เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 จากสถานการณ์เรื่องการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศเมียนมา ที่ยังคงมีตัวเลขการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อยอดสะสมเกินหลัก 10,000 ราย ซึ่งหากบุคคลเหล่านั้นหลบหนีออกจากพื้นที่ประเทศเมียนมา อาจจะนำไปสู่การแพร่เชื้อในพื้นที่อื่น และจังหวัดระนองก็เป็นอีกหนึ่งใน10จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีชายแดนทั้งทางบก ทางแม่น้ำ ทางทะเลอันดามัน ที่อยู่ติดกับจงหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา แม้ปัจจุบันทั้งจังหวัดระนองและจังหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา จะมีการปิดด่านผ่านแดนถาวร พร้อมทั้งมีการเฝ้าระวังช่องทางผ่านแดนทางธรรมชาติที่มีอยู่จำนวนมากระหว่างจังหวัดระนองกับจังหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา เจ้าหน้าทั้ง 2 ประเทศมีการพูดคุยประสานงานในเรื่องการทำงานตลอดมา เพราะถือว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ที่มีการค้าขายร่วมกัน เพื่อไม่ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ภายใต้กฎระเบียบของทั้ง 2 ประเทศ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ศูนย์ความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระนอง กองทัพเรือภาคที่ 3 (ศรชล.ภาค 3) ซึ่งดูแลเรื่องชายแดนที่ติดกับทะเล การเข้าออกเรือทุกประเภทตามแนวเขตชายแดน ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย โดยเน้นพี่น้องประชาชนชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำกระบุรี แนวชายแดน ที่ติดกับจังหวัดเกาะสองประเทศเมียนมา ซึ่งในช่วงปกติจะมีเรือประมงพื้นบ้านจากประเทศเมียนมา นำสัตว์น้ำที่จับมาได้มาขายให้กับพ่อค้าคนกลางในระนอง เนื่องจากได้ราคาดีกว่าขายในจังหวัดเกาะสอง และในจุดนี้นับเป็นจุดอ่อนไหว เนื่องจากหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบไม่ถึง เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านทั้งสองประเทศ แต่ในช่วงที่ประเทศเมียนมา เกิดสภาวะแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 รอบสองขึ้น เจ้าหน้าจึงต้องเข้าถึงทุกพื้นที่ ทุกชุมชนในเขตแนวตะเข็บชายแดน เพื่อสร้างความเข้าใจพร้อมขอความร่วมมือในระเบียบปฎิบัติสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งการแจ้งข้อมูล หากพบเห็นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือมีการนำพาเข้ามาในรูปแบบของชาวประมงพื้นบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งการเข้ามาทุกครั้งจากฝั่งเมียนมา ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่มีบางครั้งก็มีการลักลอบเข้ามาเองโดยไม่ผ่านเจ้าหน้าที่
จากการพูดกับชาวบ้านก็มีความเข้าใจ พร้อมกับให้ข้อมูลและช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ เดิมในช่วงปกติที่ยังไม่เกิดเหตุก็จะมีชาวประมงพื้นบ้านจากเมียนมานำสัตว์น้ำมาขาย แต่พอเกิดเหตุชาวบ้านที่เป็นชาวประมงพื้นบ้านและรับซื้อสัตว์น้ำเองก็หวาดกลัวในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งกลัวจะมีความผิดหากปล่อยให้คนต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ ทุกคนพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งฝ่ายปกครองที่มีการตรวจตราของทีมกำนันและผู้ใหญ่บ้านเสมอ หากในช่วงที่ออกจับสัตว์นำแล้วพบเรือต้องสงสัยที่จะข้ามเข้ามาในพื้นที่จังหวัดระนอง ชาวบ้านแนวเขตชายแดนพร้อมร่วมมือกับเจ้าหน้าทุกฝ่ายอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตเช่นกัน
กฤษดา เอกวานิช ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ระนอง